ห้องข่าว

   
about banner

News

กองทุน JASIF เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XB วันที่ 11 ต.ค.นี้ กำหนดอัตราส่วนจัดสรรหน่วยลงทุนใหม่แก่ผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิจองซื้อ ที่ 2.2 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ ในราคาเสนอขายที่ 9 บาทต่อหน่วย

Backตุลาคม 01, 2562

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (‘กองทุนฯ’ หรือ ‘JASIF’) เดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง มูลค่ารวมไม่เกิน 38,000 ล้านบาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XB ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ (ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนที่จะได้รับสิทธิจะต้องเป็นผู้ถือหน่วยลงทุน ณ สิ้นวันที่ 10 ต.ค. นี้) และกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ (Record Date) ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 พร้อมกำหนดอัตราส่วนจัดสรรหน่วยลงทุนใหม่ ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อ ในอัตรา 2.2 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ ในราคาเสนอขายที่ 9 บาทต่อหน่วย

นายพรชลิต พลอยกระจ่าง Deputy Managing Director, Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนฯ อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภททรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cable) เพิ่มเติมครั้งที่ 1 และจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จาก บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 38,000 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่ม) พร้อมกันนี้จะเพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนฯ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 24,629 ล้านบาท และขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 18,160 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนส่วนหนึ่งในการซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินใหม่และใช้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากการเข้าซื้อทรัพย์สินครั้งนี้ หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนฯ เป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ กองทุนฯ จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง จำนวนไม่เกิน 700,000 คอร์กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในเส้นทางเพิ่มเติมจากทรัพย์สินที่กองทุนฯ ถือกรรมสิทธิ์ในปัจจุบัน โดยทรัพย์สินใหม่เป็นเส้นใยแก้วนำแสงที่สร้างขึ้นเฉลี่ยเพียง 1 – 3 ปี มีอายุการใช้งานที่ยาวนานเฉลี่ยประมาณ 35 ปี และจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 40 ปี หากมีการดูแลรักษาที่ดี โดยภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จะส่งผลให้กองทุนฯ มีขนาดทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 1,680,500 คอร์กิโลเมตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 980,500 คอร์กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ 925 อำเภอ ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการการใช้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสสร้างรายได้รวมถึงผลตอบแทนที่ดีขึ้นแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในระยะยาว

นายพรชลิต กล่าวต่อว่า แหล่งเงินทุนที่กองทุนฯ จะใช้ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จะมาจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนฯ จำนวนไม่เกิน 24,629 ล้านบาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 54,183.8 ล้านบาท จะเพิ่มเป็นไม่เกิน 78,812.8 ล้านบาท โดยการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 2,500 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน และจะกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอีกไม่เกิน 15,500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนส่วนหนึ่งสำหรับซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนเพิ่ม และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศอีกไม่เกิน 2,660 ล้านบาท เพื่อชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนเพิ่มครั้งนี้

ขณะเดียวกัน บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทำข้อตกลงจะไม่โอนหน่วยลงทุน JASIF ที่จะมีผลให้สัดส่วนการถือหน่วยลงทุนต่ำกว่าที่กำหนดเพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน (ขึ้นกับผลการจองซื้อของผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมในการเพิ่มทุนครั้งนี้) พร้อมกันนี้ TTTBB จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการเคลื่อนย้ายและนำเส้นใยแก้วนำแสงลงใต้ดิน ที่กองทุนฯ เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายหลังจากที่กองทุนเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 เสร็จสิ้น กองทุนฯ มีสิทธิขยายอายุสัญญาเช่าหลักในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเดิม จำนวน 784,400 คอร์กิโลเมตร ที่มี TTTBB เป็นคู่สัญญา เป็นวันที่ 29 มกราคม 2575 จากเดิมจะสิ้นสุดสัญญาเช่า 22 กุมภาพันธ์ 2569 ทำให้กองทุนฯ มีความมั่นคงของกระแสรายได้จากค่าเช่าทรัพย์สินบางส่วนที่กองทุนฯ ลงทุนอยู่ในปัจจุบันได้ยาวนานขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่กองทุนฯ และผู้ถือหน่วยลงทุน

“TTTBB ซึ่งเป็นผู้เสนอขายกรรมสิทธิ์เส้นใยแก้วนำแสงและเป็นคู่สัญญาเช่ากลับทรัพย์สินจากกองทุนฯ ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์รายใหญ่ของไทยภายใต้แบรนด์ 3BB ที่มีคุณภาพการให้บริการที่ดี จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นๆ ในธุรกิจด้านนี้ โดยมีความพร้อมด้านทีมผู้บริหารงานที่มีความเป็นมืออาชีพ และมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนับจากปี 2558-2561 TTTBB มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 12,749 ล้านบาท เป็น 19,409 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 15%” นายพรชลิต กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังกองทุนฯ เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จะทำให้ประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุน (Cash Distribution Per Unit หรือ DPU) สำหรับช่วงเวลา 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งจัดเตรียมโดยบริษัทจัดการและตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับใบอนุญาต เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.0387 บาทต่อหน่วย จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 0.9924 บาทต่อหน่วย (บนสมมติฐานที่ออกหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุนฯ จำนวน 2,500 ล้านหน่วย) ขณะที่นับจากจัดตั้งกองทุนฯ ได้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว 18 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 3.92 บาทต่อหน่วย

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ในการเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุนฯ จำนวนไม่เกิน 2,500 ล้านหน่วย เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 1 กองทุนฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XB (Exclude Other Benefit) ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ซึ่งผู้ที่ต้องการได้รับสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ จะต้องถือหน่วยลงทุนเดิม ณ สิ้นวันที่ 10 ตุลาคมนี้ และจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ (Record Date) ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ขณะเดียวกัน ได้กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อ แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อตามที่ปรากฏรายชื่อสมุดทะเบียน ในอัตรา 2.2 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ และราคาเสนอขายที่ 9 บาทต่อหน่วย ซึ่งวันจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุน คือวันที่ 7 – 13 พฤศจิกายน 2562

การเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จะทำให้กองทุนฯ มีขนาดทรัพย์สินและมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้น จากการขยายโครงข่ายเส้นใยแก้วนำแสงที่มีพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และการพัฒนาโครงข่ายระบบ 5G ในอนาคตที่จะส่งผลดีต่อการขยายตัวของธุรกิจการสื่อสารและโทรคมนาคม

จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ถือหน่วยเดิมที่จะลงทุนเพิ่ม เพื่อรับโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากการเช่าระยะยาวของกลุ่มผู้เช่าหลักอย่าง TTTBB ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์รายใหญ่ของไทย นอกจากนี้ ยังมีการนำทรัพย์สินส่วนที่เหลือไปจัดหาผลประโยชน์เพิ่มเติมจากผู้ประกอบรายอื่น และในระหว่างการหาผู้เช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มทุนใหม่นี้ TTTBB ยังรับประกันรายได้ค่าเช่าให้แก่กองทุนฯ อีกด้วย